วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ไปเที่ยวเชียงใหม่กันเถอะ at ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง สถานที่เที่ยวแนะนำให้ไปของจังหวัดเชียงใหม่

เที่ยวดอย ชมดาว สัมผัสไอหนาว ที่ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่



ดอยอ่างขาง สถานที่เที่ยวแนะนำให้ไปของจังหวัดเชียงใหม่เที่ยวดอย ชมดาว สัมผัสไอหนาว ที่ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่
เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทางทีมงานคู่หูเดินทางอยากจะแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกัน เพราะเป็นสถานที่ที่สวยงาม บรรยากาศดี อากาศบริสุทธิ์ และที่สำคัญอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีด้วยที่ตั้งที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร มีลักษณะภูมิประเทศเหมือนท้องกระทะหรืออ่าง อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 17.7 องศาเซลเซียส ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิก็จะลดลงเป็นเลขหลักเดียว ถ้ามาในช่วงฤดูร้อนอากาศก็จะอุ่นขึ้นแต่ก็ไม่ร้อนมาก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดอยอ่างขางดอยอ่างขางตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 159 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ถนนลาดยางตลอดเส้นทาง จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวที่นี่กันมากเพราะสามารถไปเที่ยวชมดอกไม้เมืองหนาวต่างๆ ได้ภายในโครงการหลวงสถานีเกษตรอ่างขางซึ่งมีความสวยงามและน่าประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 50 บาท ภายในโครงการมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย





วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ไซบีเรียน ฮัสกี้

สุนัขพันธุ์ ไซบีเรียนฮัสกี้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ตัวเต็มวัยซบีเรียนฮัสกี (อังกฤษSiberian HuskyรัสเซียСибирский хаски, Sibirskiy Haski) เป็นสุนัขขนาดกลาง ขนฟูแน่น จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขใช้งานมีต้นกำเนิดทางตะวันออกของไซบีเรีย เพาะพันธุ์มาจากสุนัขในวงศ์สปิตซ์ มีลักษณะขน 2 ชั้นฟูแน่น, หางรูปเคียว, หูเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งชัน และลายที่เป็นลักษณะเฉพาะ

ไซบีเรียนฮัสกีเป็นสุนัขที่แข็งแรง คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยพลัง และยืดหยุ่น เป็นคุณสมบัติที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงของไซบีเรีย และจากการเพาะพันธุ์ของชาวชุกชี (Chukchi) ที่อาศัยอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย สุนัขถูกนำเข้ามาในอะแลสการะหว่างช่วงตื่นทองที่เมืองโนม (Nome) และแพร่เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดาในฐานะสุนัขลากเลื่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสุนัขเลี้ยงตามบ้านในภายหลังอย่างรวดเร็ว


วิธีเลี้ยง ไซบีเรียนฮัสกี้


 อาหารถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมาระยะยาว ซึ่งผู้เลี้ยงควรใส่ใจ และพิถีพิถันในเลือกชนิดอาหารที่มีคุณภาพ มีประโยชน์เหมาะกับช่วงอายุของน้องหมา และคำนวณปริมาณที่เหมาะสมให้กับน้องหมาแต่ละตัว (อ่านบทความเพิ่มเติม ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?) ผู้เลี้ยงควรให้อาหารที่มีคุณภาพกับน้องหมาไซบีเรียนในปริมาณที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปประมาณ  2 ครั้งต่อวัน โดยผู้เลี้ยงควรทำให้อาหารน้องหมาแต่ละมื้อมีความน่ากินเพราะน้องหมาไซบีเรียนส่วนมากมักจะมีปัญหาเรื่องกินอาหารยาก เบื่ออาหารง่าย และจะยอมอดอาหารเป็นเวลาหลายวันหากอาหารที่ผู้เลี้ยงให้อาหารที่ไม่ถูกปาก

     ซึ่งเรื่องกินอาหารยากของน้องไซบีเรียน ไม่ได้เกิดมาจากนิสัยเลือกอาหารนะคะ แต่เป็นเพราะตามนิสัยธรรมชาติของไซบีเรียนเป็นน้องหมากินน้อย เนื่องจากตอนที่ยังเป็นน้องหมาลากเลื่อน ที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็น ทุรกันดาร มีอาหารให้กินน้อย และหายาก ร่างกายของน้องหมาจึงปรับไปตามสภาพแวดล้อมให้กินอาหารได้ทีละไม่มาก และมีระบบเผาผลาญอาหารที่ช้ากว่าน้องหมาในเขตอบอุ่นโดยน้องหมาเหล่านี้จะได้กินอาหาร 3 วันต่อ 1 มื้อ ซึ่งจะเป็นพวกเนื้อนกเพนกวิน สิงโตทะเล ฯลฯ ที่มีโปรตีนและไขมันสูง ร่างกายจึงสามารถเก็บสารอาหารไว้ใช้ได้ยาวนานกว่า จึงทำให้น้องหมาที่อาศัยในเขตหนาวไม่จำเป็นต้องกินอาหารบ่อย ๆ แต่ก็ยังมีพลังงานในการที่จะวิ่งหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติและอดทนต่อสภาพความหนาวเย็นของแถบขั้วโลกได้นั่นเองค่ะ

     ฉะนั้น เราจึงเห็นได้ว่า เมื่อน้องหมาไซบีเรียนถูกนำมาเลี้ยงตามบ้าน แม้น้องหมาจะกินอาหารน้อยหรือกินไม่หมดทุกมื้อ ก็ยังจะมีแรงวิ่งเล่นหรือมีแรงซนจนหอบได้เหมือนเดิมโดยไม่แสดงอาการว่าหิว หรือต้องการอาหารเลย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะนี่คือสภาพร่างกายตามปกติของน้องหมาที่อยู่ในเขตหนาวค่ะ

     แต่หากผู้เลี้ยงอยากกระตุ้นให้น้องหมาเกิดความอยากอาหารก็สามารถทำได้ด้วยการพาน้องหมาไปออกกำลังกาย ทำอาหารให้อุ่นขึ้นเพื่อให้อาหารส่งกลิ่นกระตุ้นความอยากอาหาร หรือนำอาหารสำเร็จรูปมาผสมกับอาหารอื่นชนิดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและอรรถรสในการกินมากขึ้น(อ่านเพิ่มเติม วิธีเปลี่ยนอาหารง่ายๆ ให้น้องหมาขี้เบื่อ) และควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อน้องหมา ซึ่งสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความ อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข แนะนำว่า หากน้องหมากินอาหารอิ่มหรือหยุดกินอาหารแล้ว ผู้เลี้ยงไม่ควรคะยั้นคะยอให้น้องหมากินตามความต้องการของผู้เลี้ยงนะคะ เพราะนอกจากจะเกิดการสะสมทำให้อ้วนแล้ว ยังมีผลทำให้น้องหมามีพลังงานสะสมมากเกิน ซึ่งจะทำให้น้องหมาซน และแสบสุดๆ เลยล่ะค่ะ

     สำหรับน้องหมาไซบีเรียนที่มีโรคประจำสายพันธุ์เกี่ยวกับโรคตาค่อนข้างมาก แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงเสริมอาหารชนิดต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงสายตาเข้าไปในมื้ออาหารให้น้องหมาก็จะดีมาก ๆ หรืออาจจะเลือกซื้ออาหารเม็ดสำเร็จรูป อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ Lutein ธรรมชาติ (ลูทีน พบได้ทั่วไปในผักใบเขียว ข้าวโพด และ ไข่แดง เป็นสารที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงสายตา) ที่ช่วยป้องกันและชลอการเสื่อของจอประสาทตา วิตามิน A ที่ช่วยบำรุงและช่วยในการมองเห็นของน้องหมาก็ได้ค่ะ


     2. ออกกำลังกายปลดปล่อยพลังงาน
    การออกกำลังกาย เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ สำหรับน้องหมา ไซบีเรียน ฮัสกี้ ที่เรียกได้ว่าเป็น น้องหมาบ้าพลัง ที่มีความกระตือรือร้น และชอบสิ่งใหม่ ๆ การพาน้องหมาไปออกกำลังกายเป็นสิ่งที่น้องหมาไซบีเรียนชอบและมีความสุขมาก แต่ผู้เลี้ยงก็อย่าลืมที่จะใส่สายจูงให้น้องหมาทุกครั้ง เพื่อป้องกันน้องหมาวิ่งหนีเตลิดออกนอกเส้นทางหรือหลุดหายไป เพราะน้องหมาไซบีเรียนขึ้นชื่อเรื่องชอบวิ่งหนีหายไป หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีรั้วรอบขอบชิด การให้น้องหมาอยู่ในสายจูงจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการป้องกันปัญหาน้องหมาหายได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

     สำหรับวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับไซบีเรียนควรเป็นกิจกรรมที่น้องหมาได้ใช้พลังงานเยอะ ๆ เช่น การพาไปวิ่งในสวนสาธารณะ หากิจกรรมชวนน้องหมาเล่นเกมส์ ของเล่นเพื่อฝึกสมองให้น้องหมาเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์ หรือการพาน้องหมาไปว่ายน้ำ ที่จะช่วยป้องกันเรื่องโรคข้อสะโพกเสื่อม (สิ่งที่ต้องระวังก่อนพาน้องหมาลงสระคือ ต้องแปรงขนของน้องหมาเพื่อเอาขนที่ผลัดออกมาไปให้ก่อน และต้องมั่นใจว่า น้องหมาของเราไม่เป็นโรคผิวหนัง และไม่มีอาการผิวหนังอักเสบใด ๆ ก่อนที่จะลงสระเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และแนะนำให้ลงสระระบบน้ำเกลือ ซึ่งน้ำเกลือนั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อขนและผิวหนังของสุนัขนั่นเองค่ะ

     การพาน้องหมาไปออกกำลังกายเป็นประจำนอกจากจะช่วยให้น้องหมาได้ปลดปล่อยพลังงาน ไม่ดื้อไม่ซน และช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความใกล้ชิดระหว่างผู้เลี้ยงกับน้องหมา ซึ่งการออกกำลังกายก็ยังมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหากินยากของน้องหมาไซบีเรียนได้อีกทางหนึ่ง และช่วยให้น้องหมามีสุขภาพจิตใจที่ดีที่จะส่งผลให้น้องหมามีอายุยืนยาวอีกด้วยนะคะ ^^”  หากพูดถึงเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดสำหรับน้องหมาไซบีเรียนแล้ว ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องใส่ใจดูแลและพิถีพิถันเพิ่มมากขึ้นกว่าการเลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์ไทยนะคะ เพราะน้องหมาไซบีเรียนเป็นน้องหมาเมืองหนาวที่มีขน 2 ชั้น ที่ทั้งหนาและค่อนข้างยาวซึ่งมักพบปัญหาและมีความเสี่ยงในการเกิดโรคผิวหนังได้ง่าย ... 
  

   3. ดูแลรักษาความสะอาด
  หากพูดถึงเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดสำหรับน้องหมาไซบีเรียนแล้ว ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องใส่ใจดูแลและพิถีพิถันเพิ่มมากขึ้นกว่าการเลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์ไทยนะคะ เพราะน้องหมาไซบีเรียนเป็นน้องหมาเมืองหนาวที่มีขน 2 ชั้น ที่ทั้งหนาและค่อนข้างยาวซึ่งมักพบปัญหาและมีความเสี่ยงในการเกิดโรคผิวหนังได้ง่าย ... เรื่องสุขภาพขนและผิวหนังของน้องหมาไซบีเรียน ถือเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้น ๆ ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมาไซบีเรียนถูกทิ้งเป็นจำนวนมากในปัจจุบันนี้ค่ะ

     ฉะนั้น เราซึ่งเป็นผู้เลี้ยงจึงควรหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายน้องหมาอย่างพิถีพิถันเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจะดีที่สุด เรามาดูกันค่ะว่า น้องหมาไซบีเรียนมีอวัยวะส่วนไหนที่ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษกันบ้าง
            


 
4. จัดสรรที่นอนให้เป็นสัดส่วน
 สำหรับที่นอนของน้องหมาไซบีเรียน หากผู้เลี้ยงไม่ได้เลี้ยงน้องหมาไว้ภายในบ้านที่มีแอร์ ก็ควรจะกั้นคอกให้น้องหมาอยู่เป็นสัดส่วน และเลือกกรงที่มีขนาดใหญ่ แข็งแรง (กันน้องหมากัดแทะทำลาย) ควรมีมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงให้น้องหมา และเลือกทำเลที่อยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีลมเย็นโกรก เป็นลานโล่งหรือมีลมพัดตลอดเวลา เพราะน้องหมาไซบีเรียนจะขี้ร้อนมาก ๆ เนื่องจากเค้ามีขนสองชั้นที่เหมือนกับใส่เสื้อโค้ชหนา ๆ ไว้ตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ ... น้องหมาไซบีเรียนจัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ทิ่ติดอันดับเสียชีวิตเพราะเกิดโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก เนื่องจากสภาพอากาศร้อน ซึ่งผู้เลี้ยงต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก ๆ กันด้วยนะคะ

     และที่สำคัญบริเวณที่อยู่สำหรับน้องหมาควรเป็นพื้นที่ที่สะดวกต่อการทำความสะอาด เพราะบริเวณที่นอนของไซบีเรียน มักจะมีเศษขนของน้องหมาที่มักจะหลุดร่วงอยู่เป็นปกติจำนวนมาก หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ขนน้องหมาไซบีเรียนมักจะหลุดร่วงเป็นกระสอบ ๆ จนอาจจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์ของเห็บหมัดในอนาคตได้ค่ะ


     5. สอนให้น้องหมารู้จักกฏระเบียบของบ้าน

 ผู้เลี้ยงควรสอนให้น้องหมาไซบีเรียนแสนสนรู้จักกฏระเบียบต่าง ๆ ภายในบ้าน โดยก่อนอื่นควรเริ่มจากผู้เลี้ยงต้องสร้างกฏระเบียบให้สมาชิกในครอบครัวปฏิบัติกับน้องหมาไปในทิศทางเดียวกันที่ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะส่งผลต่อลักษณะนิสัย และพฤติกรรมของน้องหมา เช่น หากจะไม่อนุญาตให้น้องหมานอนบนโซฟาทุกคนในบ้านก็ต้องปฏิบัติเหมือนกันคือ คอยห้ามน้องหมาไม่ให้ขึ้นไปนอนบนโซฟา และทำให้น้องหมารับรู้ว่า โซฟาไม่ใช่ที่ที่น้องหมาจะอยู่ได้ ทั้งนี้ การปฏิบัติตามกฏระเบียบหากทุกคนไม่ปฏิบัติร่วมกันก็อาจทำให้น้องหมาเกิดการสับสนว่าอะไรคือสิ่งที่ทำได้ หรือทำไม่ได้ ในที่สุดน้องหมาก็จะกลายเป็นหมาดื้อ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง และกฏระเบียบที่ตั้งไว้ ... การรักษากฏระเบียบควรทำร่วมกันทั้งครอบครัว ห้ามผ่อนปรนหรือยืดหยุ่นกฏให้กับน้องหมา และไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงกฏเพื่อน้องหมาจะได้ไม่เกิดความสับสน ที่อาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ (อ่านบทความเพิ่มเติม 6 เทคนิคเปลี่ยนความเข้าใจในการเลี้ยงหมาของคนในบ้าน)
 
 นอกจากการตั้งกฏระเบียบให้สมาชิกคนอื่น ๆ ภายในบ้านปฏิบัติตามแล้ว ผู้เลี้ยงยังจะต้องรู้จักวางตัวให้เป็น "จ่าฝูง" และวางลำดับให้ฝูง (สมาชิกในครอบครัว) โดยให้น้องหมาอยู่ในระดับต่ำสุด ซึ่งผู้เลี้ยงอาจจะใช้หลักจิตวิทยาง่าย ๆ ให้น้องหมายอมสยบและเชื่อฟังคำสั่ง เช่น ให้น้องหมาเดินเข้าออกประตูหลังเราเสมอ เวลาพาน้องหมาเดินในสายจูงเราต้องเดินนำหน้าเสมอ หรือเรียกน้องหมาให้มาหาเรา โดยที่เราจะไม่เดินหรือวิ่งตามน้องหมา ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นการบอกให้น้องหมารับรู้ตำแหน่งว่า เราคือจ่าฝูง และอยู่เหนือกว่า ส่วนน้องหมาคือลูกฝูงนั่นเองค่ะ
รวมถึงผู้เลี้ยงยังควรฝึกให้น้องหมารู้จักระเบียบในการขับถ่าย ซึ่งผู้เลี้ยงควรฝึกน้องหมาตั้งแต่เพิ่งรับมาเลี้ยงหรือยังเป็นน้องหมาเด็กอยู่ โดยกำหนดพื้นที่ที่น้องหมาสามารถขับถ่ายได้ เพื่อลดภาระในการทำความสะอาด ปัญหาอึฉี่เรี่ยราด และเพื่อสุขลักษณะที่ดีของน้องหมาค่ะ


     6. ตรวจสุขภาพ ... พบสัตวแพทย์
   ผู้เลี้ยงควรหมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ อย่างน้อยทุก 6 เดือน เพราะว่าการพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพจะช่วยทำให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถเตรียมรับมือ และรักษาน้องหมาได้อย่างทันท่วงทีหากตรวจพบโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะกับน้องหมาไซบีเรียนที่มักจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรค และความผิดปกติต่าง ๆ เช่น

     -  ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) ที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญพลังงานในเนื้อเยื่อต่าง ๆ มีผลต่อการสังเคราะห์โปรตีนและไขมันในร่างกาย โดยจะพบอาการ เช่น ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ พฤติกรรมเปลี่ยน โดยมากมักจะเซื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉง น้ำหนักตัวเพิ่ม กระจกตาอักเสบและมีแผลหลุม เส้นขนหยาบแห้ง ขนร่วงช่วงท้ายของตัวและหาง ฯลฯ

     -  ภาวะขาดสังกะสี (Zinc deficiency) และภาวะ Zinc responsive dermatoses ที่มักเกิดจากการทานอาหารคุณภาพต่ำที่ขาดสังกะสีหรือไม่ได้สมดุล เช่น อาหารที่มีแคลเซียมมากไป เนื่องจากแคลเซียมจะไปขัดขวางการดูดซึมสังกะสีในลำไส้ หรืออาหารที่มีไฟเตท (phytate) ที่มีอยู่มากในพวกธัญพืชมากไป เพราะไฟเตทจะไปจับกับสังกะสี ทำให้ลำไส้ดูดซึมสังกะสีไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลให้น้องหมาเกิดสะเก็ดรังแคหนา คันตามรอบตา คาง หู รอบปาก ขนหลุดร่วงง่ายที่ดูคล้ายสุนัขที่เป็นขี้เรื้อนหรือเชื้อรา ฯลฯ

     -  โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) ที่ทำให้หัวกระดูกต้นขาไม่สามารถสวมเข้าอย่างสนิทกับเบ้าของกระดูกสะโพก ทำให้มีความผิดปกติในการเคลื่อนไหวขาหลังของน้องหมา สังเกตได้จากน้องหมาจะลุก นั่ง เดิน นอน ได้ลำบาก

     -  ภาวะท้องเสียเรื้อรัง ที่มีสาเหตุจากพันธุกรรมที่ผิดปกติ ซึ่งทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ มีผลให้ทางเดินอาหารอักเสบเรื้อรัง ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากภาวะไวต่ออาหารหรือสารที่อยู่ในอาหาร เช่น โปรตีน สารแต่งกลิ่น สารถนอมอาหาร เป็นต้น โดยน้องหมาจะมีอาการถ่ายเหลวเรื้อรังไม่หายขาด อุจจาระมักมีเมือกปน น้ำหนักตัวลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งสามารถพบได้ทั้งน้องหมาไซบีเรียนเพศผู้และเพศเมีย

     -   โรคต้อกระจก (Cataract) มักพบในน้องหมาไซบีเรียนที่มีอายุน้อยกว่า 6 ปี โดยมากมักตรวจพบตอนอายุ 6 -12 เดือน โดยอาจเป็นแค่ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ สาเหตุส่วนใหญ่เนื่องจากพันธุกรรม และอาจเป็นร่วมกันกับโรคจอตาเสื่อม ซึ่งน้องหมาจะมองไม่เห็นในเวลากลางคืน อาจมีพฤติกรรมเปลี่ยน ถ้าอยู่ในที่ไม่คุ้นเคยจะเดินชนสิ่งกีดขวางเนื่องจากการมองเห็นที่ลดลง

     -   โรคลมชัก (Epilepsy) น้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี จัดว่าเป็นสายพันธุ์ที่ติด 1 ใน 10 ที่พบโรคนี้มาก โดยเฉพาะกรณีที่มีการผสมเลือดชิด (ผสมพันธุ์กันในหมู่เครือญาติ) อายุที่พบว่าเริ่มมีอาการมากที่สุด คือ 6 เดือนถึง 3 ปี โดยทั่วไปสุนัขที่พบโรคลมชักก่อน 2 ปีจะทำการรักษาและควบคุมอาการได้ยากกว่าสุนัขที่เจออาการตอนอายุมาก เมื่อเทียบกันพบว่าเจอในสุนัขเพศผู้มากกว่าเพศเมีย

     ความผิดปกติ และโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับน้องหมาไซบีเรียนทุกตัว ไม่เว้นแม้แต่น้องหมาของผู้เลี้ยงเอง ฉะนั้น ผู้เลี้ยงก็อย่าลืมที่จะใส่ใจและดูแลสุขภาพน้องหมาของตนเอง หากพบน้องหมามีอาการผิดปกติ ก็ไม่ควรนิ่งเฉยต่ออาการที่น้องหมาแสดงออกมาเหล่านั้น แต่ให้รีบพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพื่อหาความผิดปกติ เพราะนั้นอาจหมายถึงโรคร้ายแรงที่อาจคร่าชีวิตของน้องหมาแสนรักของผู้เลี้ยงไปเลยก็ได้ค่ะ ...
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : https://www.dogilike.com/content/caring/2574/