วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

5 ที่เที่ยวเมืองโคราช ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ

นครราชสีมา หรือ “เมืองโคราช” ที่เรารู้จักกัน เป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะทางธรรมชาติและวัดวาอาราม ซึ่ง travel.mthai.comได้รวบรวม 5 ที่เที่ยวเมืองโคราช ที่คุณพลาดแล้วจะเสียใจ โดยในบางแห่ง เราเชื่อว่าคุณแทบไม่รู้มาก่อน ว่ามันมีที่แบบนี้อยู่จริงๆ



1. ตลาดน้ำเขาใหญ่  อ.ปากช่อง

ตลาดน้ำเขาใหญ่ เป็นตลาดน้ำบนเนินเขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเจ้าของเป็นเจ้าเดียวกันกับตลาดน้ำสามพันนาม (หัวหิน), ตลาดน้ำอโยธยา, ตลาดอโยเดีย และปางช้างอโยธยา โดยตลาดน้ำแบ่งออกเป็น 2 โซน คือโซนตลาดน้ำ และโซนสวนดอกไม้ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้พบกับความสวยงามของทุ่งดอกไม้สีเหลืองทีปกคลุม เขาตลอดทั้งปี พร้อมสวนสัตว์ (mimi zoo) ท่าม กลางธรรมชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้พบกับเหล่าสัตว์น่ารักอันได้แก่ แกะ กระต่าย อูฐ ที่นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารได้กับมือ นอกจากนี้ภายในตลาดยังมีสถานที่ถ่ายรูปสำหรับคู่รัก (swiss Love) พร้อมที่จอดรถกว่า 200 คัน


 2. วัดศิมาลัยทรงธรรม อ.ปากช่อง

วัดศิมาลัยทรงธรรม ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ภายในมีถ้ำหินงอก หินย้อย ตกแต่งพื้นที่สำหรับนั่งสมาธิภาวนา บนยอดพระบรมธาตุเจดีย์ตกแต่งเป็นบันไดพญานาค 227 ขั้น มีฝ่าพระหัตถ์จำลอง และกุฏิหลังเล็กๆ ตามแมกไม้บนภูเขา เป็นวัดที่มีความหลากหลายทางพระพุทธศาสนามากที่สุดเลยก็ว่า โดยมีการรวมศิลปะ ประติมากรรมจากหลายพื้นที่มาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย ศรีลังกา ขอม ทิเบต ฯลฯ รับรองว่าคุณจะต้องเพลิดเพลินไปกับความอัศจรรย์ในแนวคิดของการสร้างวัดนี้ พร้อมมีเจ้านกยูงแสนสวย สัตว์เลี้ยงประจำวัดคอยต้อนรับคุณอย่างเป็นมิตร


3. เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม อ.ปากช่อง
เขาใหญ่อาร์ตมิวเซียม (Khao Yai Art Museum) เป็นพื้นที่ทางศิลปะให้ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางมาศึกษาเยี่ยมชม โดยอยู่ในฐานะของหอศิลป์และศูนย์รวมการเรียนรู้ทางศิลปะ ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลผลิตทางพุทธิปัญญาของมนุษย์ท้ังทางด้าน ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม มัณฑนศิลป์ และการจัดวางองค์ประกอบของทิวทัศน์ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติที่ งดงาม เงียบสงบ และอบอวลด้วยสนุทรียะแห่งการใช้ชีวีตอย่างมีรสนิยม


4. จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อ.ปักธงชัย
จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เที่ยวชมวิถีชีวิตพื้นบ้านแบบดั้งเดิม การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แปลงเก็บผักปลอดสารพิษ ตลอดจนทุ่งดอกไม้นานาพรรณ และความงามของธรรมชาติ ท่ามกลางภูเขาและทุ่งหญ้า โดยจะเปิดให้เที่ยวชมเพียงปีละ 1 เดือนเท่านั้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักท่องเที่ยว พร้อมให้ได้เที่ยวชมและเลือกซื้อผัก ดอกไม้นานาชนิด พร้อมทั้งเรียนรู้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมประเพณีแบบดั้งเดิมของชาวอีสาน


5. น้ำพุธรรมชาติ น้ำผุด ปากช่อง

สระน้ำผุด ตั้งอยู่ในตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง เป็นตาน้ำที่มีน้ำไหลตลอดปี มีน้ำผุดออกมาโดยธรรมชาติ ลักษณะของน้ำจะใสมาก และไหลอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนก็จะมีน้ำเยอะกว่าปกติ น้ำผุดนี้จะมี บ่อหรือชั้น ลดหลั่นกัน ไปเป็นบ่อๆ มีประมาณ 4 บ่อ สามารถลงเล่นน้ำได้  ส่วนบ่อที่เป็นตาน้ำจะไม่มีใครไปลงเล่นน้ำ เพราะถือว่าเป็นตาน้ำน้ำผุดบ่อน้ำ จะสามารถลงเล่นน้ำได้ มีสะพานข้ามไปฝั่งตรงข้าม โดยมีถนนทางเดินเล็กๆ เดินเข้าไป


ด้วยความอุตสาหะและความสามัคคีของชาวบ้าน ทำให้เกิดวิหารเซรามิคโมเสกกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย! สร้างขึ้นจากความตั้งใจของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ต้องการให้คนเข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างง่ายๆ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สุดแสนอลังการ ตั้งแต่ รูปปั้นพญานาค19 เศียร ประตูท้าวจตุโลกบาล และเศียรช้างขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดแสนจะจรรโลงใจ ต้องไปให้เห็นกับตา
ขอบคุณที่มาจาก : http://travel.mthai.com/blog/111631.html





วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

คาเฟ่-ร้านกาแฟ ที่คนโคราชเช็คอินมากที่สุด

โคราชมีร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ เปิดกันเต็มไปหมด แต่ร้านไหนที่คนโคราชนิยมไป? วันนี้ We Korat รวบรวม 5 อันดับ ร้านคาเฟ่-ร้านกาแฟ ที่คนโคราชไปเช็กอินกันมากที่สุดมาให้ได้กันดูกัน


สำหรับการจัดอันดับนี้ใช้ข้อมูลจาก Social Network ทั้งหลาย อาทิ Facebook, Instagram, Swarm และ Wongnai มารวมจัดเข้าด้วยกันครับ


อันดับ 5 ละมุนคาเฟ่














[รีวิวร้าน] / 8:00-19:00 / 089-844-5534
ร้านกาแฟดอยช้างที่อยู่ในซอยหลังโรงแรมราชพฤกษ์แห่งนี้ เป็นอีกร้านยอดนิยมที่หลายคนมาเช็กอินด้วยบรรยากาศสบายๆ พื้นที่กว้างขวาง มาทานได้ทั้งกาแฟ ขนมเค้ก ไอศกรีมที่ทางร้านมีให้บริการ

อันดับ 4 Starbucks เดอะมอลล์







Starbucks ถือเป็นร้านกาแฟยอดนิยมของชาว social network ในการเช็กอินอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับสาขาโคราชที่ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ก็เช่นกัน แม้ทำเลที่ตั้งจะอยู่ตรงกลางพื้นที่ห้างอาจไม่มีมุมส่วนตัวเท่าใด แต่ก็ยังเป็นที่นิยมของผู้ชื่นชอบกาแฟสตาร์บักส์นั่นเอง

อันดับ 3 So Far So Good








[รีวิวร้าน] / 9:00-20:00 / 086-258-7667
อีกร้านดังบนถนนมุขมนตรี เยื้องกับสวนภูมิรักษ์ ที่แม้เปิดมาหลายปีแต่ก็ยังมีลูกค้าไปอุดหนุนกันเนืองแน่นอยู่ตลอด ร้านเพิ่งขยายโซนใหม่ Patisserie เพื่อเน้นอาหารจานร้อน ไม่ว่าจะเป็นขนมอบ หรืออาหารจานหลักที่หลากหลาย และเมนูพิเศษเป็นระยะ

อันดับ 2 Class Cafe’





[รีวิวร้าน] / 7:00-20:00 / 044-007-277
ร้านกาแฟมาแรงประจำเมือง ที่ตอนนี้มีถึง 4 สาขาแล้ว สำหรับสาขาที่มีอัตราการเช็กอินสูงคือสาขาแรก บนถนนจอมสุรางค์ โดดเด่นด้วยตัวเลือกเมล็ดกาแฟนำเข้าที่มีหลายชนิดให้ได้ลอง เป็นที่ถูกอกถูกใจใครต่อใคร โดยในแต่ละสาขายังมีจุดขายที่แตกต่างกันไป อาทิ สาขาวัดบูรพ์ก็มีเบอรเกอร์ดำ หรือสาขาล่าสุดเซฟวันก็มีไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟให้ได้ทานดับร้อน

อันดับ 1 กาแฟฮูย่า








[รีวิวร้าน] / 8:00-19:00 เสาร์อาทิตย์ 7:30-18:00 / 089-625-8661
ฮูย่าถือเป็นร้านกาแฟรุ่นบุกเบิกในโคราชร้านหนึ่ง ร้านอยู่ถนนสรรพสิทธิ์ แม้ร้านปิดปรับปรุงใหญ่ไปร่วมหนึ่งปีและกลับมาใหม่ในธีมจีนสไตล์โรงน้ำชา ลูกค้าก็ยังคงมาอุดหนุนกันเนืองแน่น มีมุมทั้งในห้องแอร์ และมุมในสวน ส่วนของหวานคือขนมปังปิ้งที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน

ได้ลิสท์ 5 ร้านยอดฮิตในการเช็กอินแล้ว หวังว่าผู้อ่านจะสนุกกับการหาร้านคาเฟ่-ร้านกาแฟ ทั้งร้านเดิมและร้านใหม่ ติดตามกันได้จาก We Korat ทั้งหน้าเว็บ และ Facebook Fan Pag We Korat
ขอขอบคุณที่มา : http://wekorat.com/2015/05/11/10-popular-cafe-in-korat/

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

5 ร้านกลางคืนยอดฮิต ชวนไปแฮงค์เอ้าท์ แห่งเมืองโคราช

5 ร้านกลางคืนยอดฮิต ชวนไปแฮงค์เอ้าท์ แห่งเมืองโคราช


  
1. Happyland










กว่า 8 ปีที่ร้าน Happyland ในสโลแกนดินแดนแห่งความสุข ให้บริการความสุขแก่ชาวโคราช ความนิยมของร้านนี้ก็ไม่มีตก ด้วยจุดเด่นทั้งอาหารอร่อย บรรยากาศในร้านที่มีมุมให้เลือกหลากหลาย ทั้งในอาคารและภายนอก ตลอดจนวงดนตรีสดทุกคืน ทำให้ Happyland ยังคงเป็นตัวเลือกในยามค่ำคืนของใครหลายคน
Happyland ร้านอยู่ถนนมหาดไทย ใกล้กับโรงพยาบาล ป.แพทย์ 2 / เบอร์โทร 081-065-0088 / Facebook /รีวิวจาก We Korat / เปิดทุกวันตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป

2. U-Bar






แม้จะเปิดมาแล้วกว่า 7 ปี แต่ยูบาร์โคราชยังคงเป็นผับที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ชนิดที่ใครต่างพื้นที่ได้มาเยือนเมืองโคราช ก็ต้องหาโอกาสมาโดนกันสักครั้ง ยูบาร์ที่โคราชเป็นสาขาที่ 3 อีกสองแห่งคืออุบลฯ และขอนแก่น มีกลุ่มลูกค้าหลักคือวัยทำงานรุ่นหนุ่มสาว และเลือกสรรเพลงได้ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีสดหรือการเปิดแผ่นจากดีเจ
ยูบาร์โคราช ตั้งอยู่ที่สี่แยกประโดก (สี่แยกพีกาซัส) ร้านอยู่ตรงหัวมุมด้านหน้าโรงแรมพีกาซัส / เปิด 20:00-02:00 / เบอร์โทร 044-271-088 / Facebook
3.MAU WAN BAR.













ร้าน MAU WAN BAR (เมื่อวาน บาร์) - โคราช
( ก๋วยเตี๋ยวเรือ / อาหาร / เครื่องดื่ม / เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ / ดนตรีสด )
กลางวันขายก๋เตี๋ยวชามกะลา ตกเย็นมา กลายเป็นร้านเหล้าสุดฮอต
พิกัดอยู่ที่ - ซ.30กันยา 
เปิดทุกวัน : (ก๋วยเตี๋ยว 10.00น.-16.00น.)
Tel : สำรองจองโต๊ะ 087-0859887 (ปล่อยโต๊ะ21.00น.)
Facebook : facebook.com/maomaobarkorat
IG : -

#ก๋วยเตี๋ยวกะลา 20-30 ฿
#ReviewEsan #ReviewKorat #Korat #โคราช #ร้านเหล้าโคราช


4. เช็กอิน (Check-In)











ปิดปรับปรุงไปหลายเดือน แต่กลับมาอีกครั้งก็ยังยิ่งใหญ่และเป็นร้านสุดฮิตของเมือง โดนเฉพราะบันดาร้านนั่งกินดื่มสังสรรค์ที่เน้นลูกค้าวันรุ่น เช็คอินถือเป็นร้านยอดนิยมที่สุด ด้วยบรรยากาศแบบเป็นกันเอง ดนตรีสนุกในทุกคืน และมีคอนเสิร์ตจากศิลปินดังมาจัดอยู่เป็นระยะ

ร้านเช็คอินอยู่บนช้างเผือก เยื้องกับร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ ส.สุนทร จอดรถได้ในพื้นที่หลังร้าน / เบอร์โทร 080-799-5799/ Facebook /

5. 8 Bistro











ร้านแนว Bistro  ที่มีอาหารอร่อย เครื่องดื่มหลากหลายทั้งไวน์และเบียร์ ในบรรยากาศชิลเอาท์ พร้อมดนตรีสด ความฮิตของร้านตอนนี้ก็ในระดับที่โต๊ะเต็มแทบทุกคืน ด้วยเมนูหลากหลายเเบโดยทีมงานจาก Hansa แถมร้านยังเปิดให้บริการในตอนกลางวันด้วย

8 Bistro อยู่ตรอกเสาธง จากถนนมิตรภาพสี่แยกปตท. เข้าซอยธนาคาร UOB อยู่หน้า  EVER 9 Serviced Apartment / เปิด 10.30-24.00 น. / เบอร์โทร 044 248 888 / Facebook / รีวิว We Korat

ขอบคุณที่มาจากเว็บ : WE KORAT.

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ไปเที่ยวเชียงใหม่กันเถอะ at ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง สถานที่เที่ยวแนะนำให้ไปของจังหวัดเชียงใหม่

เที่ยวดอย ชมดาว สัมผัสไอหนาว ที่ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่



ดอยอ่างขาง สถานที่เที่ยวแนะนำให้ไปของจังหวัดเชียงใหม่เที่ยวดอย ชมดาว สัมผัสไอหนาว ที่ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่
เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทางทีมงานคู่หูเดินทางอยากจะแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกัน เพราะเป็นสถานที่ที่สวยงาม บรรยากาศดี อากาศบริสุทธิ์ และที่สำคัญอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีด้วยที่ตั้งที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร มีลักษณะภูมิประเทศเหมือนท้องกระทะหรืออ่าง อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 17.7 องศาเซลเซียส ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิก็จะลดลงเป็นเลขหลักเดียว ถ้ามาในช่วงฤดูร้อนอากาศก็จะอุ่นขึ้นแต่ก็ไม่ร้อนมาก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดอยอ่างขางดอยอ่างขางตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 159 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ถนนลาดยางตลอดเส้นทาง จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวที่นี่กันมากเพราะสามารถไปเที่ยวชมดอกไม้เมืองหนาวต่างๆ ได้ภายในโครงการหลวงสถานีเกษตรอ่างขางซึ่งมีความสวยงามและน่าประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 50 บาท ภายในโครงการมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย





วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ไซบีเรียน ฮัสกี้

สุนัขพันธุ์ ไซบีเรียนฮัสกี้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ตัวเต็มวัยซบีเรียนฮัสกี (อังกฤษSiberian HuskyรัสเซียСибирский хаски, Sibirskiy Haski) เป็นสุนัขขนาดกลาง ขนฟูแน่น จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขใช้งานมีต้นกำเนิดทางตะวันออกของไซบีเรีย เพาะพันธุ์มาจากสุนัขในวงศ์สปิตซ์ มีลักษณะขน 2 ชั้นฟูแน่น, หางรูปเคียว, หูเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งชัน และลายที่เป็นลักษณะเฉพาะ

ไซบีเรียนฮัสกีเป็นสุนัขที่แข็งแรง คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยพลัง และยืดหยุ่น เป็นคุณสมบัติที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงของไซบีเรีย และจากการเพาะพันธุ์ของชาวชุกชี (Chukchi) ที่อาศัยอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย สุนัขถูกนำเข้ามาในอะแลสการะหว่างช่วงตื่นทองที่เมืองโนม (Nome) และแพร่เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดาในฐานะสุนัขลากเลื่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสุนัขเลี้ยงตามบ้านในภายหลังอย่างรวดเร็ว


วิธีเลี้ยง ไซบีเรียนฮัสกี้


 อาหารถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมาระยะยาว ซึ่งผู้เลี้ยงควรใส่ใจ และพิถีพิถันในเลือกชนิดอาหารที่มีคุณภาพ มีประโยชน์เหมาะกับช่วงอายุของน้องหมา และคำนวณปริมาณที่เหมาะสมให้กับน้องหมาแต่ละตัว (อ่านบทความเพิ่มเติม ให้อาหารปริมาณเท่าใด ถึงจะเหมาะกับน้องหมาของเรา?) ผู้เลี้ยงควรให้อาหารที่มีคุณภาพกับน้องหมาไซบีเรียนในปริมาณที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปประมาณ  2 ครั้งต่อวัน โดยผู้เลี้ยงควรทำให้อาหารน้องหมาแต่ละมื้อมีความน่ากินเพราะน้องหมาไซบีเรียนส่วนมากมักจะมีปัญหาเรื่องกินอาหารยาก เบื่ออาหารง่าย และจะยอมอดอาหารเป็นเวลาหลายวันหากอาหารที่ผู้เลี้ยงให้อาหารที่ไม่ถูกปาก

     ซึ่งเรื่องกินอาหารยากของน้องไซบีเรียน ไม่ได้เกิดมาจากนิสัยเลือกอาหารนะคะ แต่เป็นเพราะตามนิสัยธรรมชาติของไซบีเรียนเป็นน้องหมากินน้อย เนื่องจากตอนที่ยังเป็นน้องหมาลากเลื่อน ที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็น ทุรกันดาร มีอาหารให้กินน้อย และหายาก ร่างกายของน้องหมาจึงปรับไปตามสภาพแวดล้อมให้กินอาหารได้ทีละไม่มาก และมีระบบเผาผลาญอาหารที่ช้ากว่าน้องหมาในเขตอบอุ่นโดยน้องหมาเหล่านี้จะได้กินอาหาร 3 วันต่อ 1 มื้อ ซึ่งจะเป็นพวกเนื้อนกเพนกวิน สิงโตทะเล ฯลฯ ที่มีโปรตีนและไขมันสูง ร่างกายจึงสามารถเก็บสารอาหารไว้ใช้ได้ยาวนานกว่า จึงทำให้น้องหมาที่อาศัยในเขตหนาวไม่จำเป็นต้องกินอาหารบ่อย ๆ แต่ก็ยังมีพลังงานในการที่จะวิ่งหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติและอดทนต่อสภาพความหนาวเย็นของแถบขั้วโลกได้นั่นเองค่ะ

     ฉะนั้น เราจึงเห็นได้ว่า เมื่อน้องหมาไซบีเรียนถูกนำมาเลี้ยงตามบ้าน แม้น้องหมาจะกินอาหารน้อยหรือกินไม่หมดทุกมื้อ ก็ยังจะมีแรงวิ่งเล่นหรือมีแรงซนจนหอบได้เหมือนเดิมโดยไม่แสดงอาการว่าหิว หรือต้องการอาหารเลย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะนี่คือสภาพร่างกายตามปกติของน้องหมาที่อยู่ในเขตหนาวค่ะ

     แต่หากผู้เลี้ยงอยากกระตุ้นให้น้องหมาเกิดความอยากอาหารก็สามารถทำได้ด้วยการพาน้องหมาไปออกกำลังกาย ทำอาหารให้อุ่นขึ้นเพื่อให้อาหารส่งกลิ่นกระตุ้นความอยากอาหาร หรือนำอาหารสำเร็จรูปมาผสมกับอาหารอื่นชนิดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและอรรถรสในการกินมากขึ้น(อ่านเพิ่มเติม วิธีเปลี่ยนอาหารง่ายๆ ให้น้องหมาขี้เบื่อ) และควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อน้องหมา ซึ่งสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความ อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข แนะนำว่า หากน้องหมากินอาหารอิ่มหรือหยุดกินอาหารแล้ว ผู้เลี้ยงไม่ควรคะยั้นคะยอให้น้องหมากินตามความต้องการของผู้เลี้ยงนะคะ เพราะนอกจากจะเกิดการสะสมทำให้อ้วนแล้ว ยังมีผลทำให้น้องหมามีพลังงานสะสมมากเกิน ซึ่งจะทำให้น้องหมาซน และแสบสุดๆ เลยล่ะค่ะ

     สำหรับน้องหมาไซบีเรียนที่มีโรคประจำสายพันธุ์เกี่ยวกับโรคตาค่อนข้างมาก แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงเสริมอาหารชนิดต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงสายตาเข้าไปในมื้ออาหารให้น้องหมาก็จะดีมาก ๆ หรืออาจจะเลือกซื้ออาหารเม็ดสำเร็จรูป อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ Lutein ธรรมชาติ (ลูทีน พบได้ทั่วไปในผักใบเขียว ข้าวโพด และ ไข่แดง เป็นสารที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงสายตา) ที่ช่วยป้องกันและชลอการเสื่อของจอประสาทตา วิตามิน A ที่ช่วยบำรุงและช่วยในการมองเห็นของน้องหมาก็ได้ค่ะ


     2. ออกกำลังกายปลดปล่อยพลังงาน
    การออกกำลังกาย เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ สำหรับน้องหมา ไซบีเรียน ฮัสกี้ ที่เรียกได้ว่าเป็น น้องหมาบ้าพลัง ที่มีความกระตือรือร้น และชอบสิ่งใหม่ ๆ การพาน้องหมาไปออกกำลังกายเป็นสิ่งที่น้องหมาไซบีเรียนชอบและมีความสุขมาก แต่ผู้เลี้ยงก็อย่าลืมที่จะใส่สายจูงให้น้องหมาทุกครั้ง เพื่อป้องกันน้องหมาวิ่งหนีเตลิดออกนอกเส้นทางหรือหลุดหายไป เพราะน้องหมาไซบีเรียนขึ้นชื่อเรื่องชอบวิ่งหนีหายไป หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีรั้วรอบขอบชิด การให้น้องหมาอยู่ในสายจูงจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการป้องกันปัญหาน้องหมาหายได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

     สำหรับวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับไซบีเรียนควรเป็นกิจกรรมที่น้องหมาได้ใช้พลังงานเยอะ ๆ เช่น การพาไปวิ่งในสวนสาธารณะ หากิจกรรมชวนน้องหมาเล่นเกมส์ ของเล่นเพื่อฝึกสมองให้น้องหมาเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์ หรือการพาน้องหมาไปว่ายน้ำ ที่จะช่วยป้องกันเรื่องโรคข้อสะโพกเสื่อม (สิ่งที่ต้องระวังก่อนพาน้องหมาลงสระคือ ต้องแปรงขนของน้องหมาเพื่อเอาขนที่ผลัดออกมาไปให้ก่อน และต้องมั่นใจว่า น้องหมาของเราไม่เป็นโรคผิวหนัง และไม่มีอาการผิวหนังอักเสบใด ๆ ก่อนที่จะลงสระเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และแนะนำให้ลงสระระบบน้ำเกลือ ซึ่งน้ำเกลือนั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อขนและผิวหนังของสุนัขนั่นเองค่ะ

     การพาน้องหมาไปออกกำลังกายเป็นประจำนอกจากจะช่วยให้น้องหมาได้ปลดปล่อยพลังงาน ไม่ดื้อไม่ซน และช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความใกล้ชิดระหว่างผู้เลี้ยงกับน้องหมา ซึ่งการออกกำลังกายก็ยังมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหากินยากของน้องหมาไซบีเรียนได้อีกทางหนึ่ง และช่วยให้น้องหมามีสุขภาพจิตใจที่ดีที่จะส่งผลให้น้องหมามีอายุยืนยาวอีกด้วยนะคะ ^^”  หากพูดถึงเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดสำหรับน้องหมาไซบีเรียนแล้ว ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องใส่ใจดูแลและพิถีพิถันเพิ่มมากขึ้นกว่าการเลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์ไทยนะคะ เพราะน้องหมาไซบีเรียนเป็นน้องหมาเมืองหนาวที่มีขน 2 ชั้น ที่ทั้งหนาและค่อนข้างยาวซึ่งมักพบปัญหาและมีความเสี่ยงในการเกิดโรคผิวหนังได้ง่าย ... 
  

   3. ดูแลรักษาความสะอาด
  หากพูดถึงเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดสำหรับน้องหมาไซบีเรียนแล้ว ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องใส่ใจดูแลและพิถีพิถันเพิ่มมากขึ้นกว่าการเลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์ไทยนะคะ เพราะน้องหมาไซบีเรียนเป็นน้องหมาเมืองหนาวที่มีขน 2 ชั้น ที่ทั้งหนาและค่อนข้างยาวซึ่งมักพบปัญหาและมีความเสี่ยงในการเกิดโรคผิวหนังได้ง่าย ... เรื่องสุขภาพขนและผิวหนังของน้องหมาไซบีเรียน ถือเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้น ๆ ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมาไซบีเรียนถูกทิ้งเป็นจำนวนมากในปัจจุบันนี้ค่ะ

     ฉะนั้น เราซึ่งเป็นผู้เลี้ยงจึงควรหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายน้องหมาอย่างพิถีพิถันเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจะดีที่สุด เรามาดูกันค่ะว่า น้องหมาไซบีเรียนมีอวัยวะส่วนไหนที่ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษกันบ้าง
            


 
4. จัดสรรที่นอนให้เป็นสัดส่วน
 สำหรับที่นอนของน้องหมาไซบีเรียน หากผู้เลี้ยงไม่ได้เลี้ยงน้องหมาไว้ภายในบ้านที่มีแอร์ ก็ควรจะกั้นคอกให้น้องหมาอยู่เป็นสัดส่วน และเลือกกรงที่มีขนาดใหญ่ แข็งแรง (กันน้องหมากัดแทะทำลาย) ควรมีมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงให้น้องหมา และเลือกทำเลที่อยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีลมเย็นโกรก เป็นลานโล่งหรือมีลมพัดตลอดเวลา เพราะน้องหมาไซบีเรียนจะขี้ร้อนมาก ๆ เนื่องจากเค้ามีขนสองชั้นที่เหมือนกับใส่เสื้อโค้ชหนา ๆ ไว้ตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ ... น้องหมาไซบีเรียนจัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ทิ่ติดอันดับเสียชีวิตเพราะเกิดโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก เนื่องจากสภาพอากาศร้อน ซึ่งผู้เลี้ยงต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก ๆ กันด้วยนะคะ

     และที่สำคัญบริเวณที่อยู่สำหรับน้องหมาควรเป็นพื้นที่ที่สะดวกต่อการทำความสะอาด เพราะบริเวณที่นอนของไซบีเรียน มักจะมีเศษขนของน้องหมาที่มักจะหลุดร่วงอยู่เป็นปกติจำนวนมาก หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ขนน้องหมาไซบีเรียนมักจะหลุดร่วงเป็นกระสอบ ๆ จนอาจจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์ของเห็บหมัดในอนาคตได้ค่ะ


     5. สอนให้น้องหมารู้จักกฏระเบียบของบ้าน

 ผู้เลี้ยงควรสอนให้น้องหมาไซบีเรียนแสนสนรู้จักกฏระเบียบต่าง ๆ ภายในบ้าน โดยก่อนอื่นควรเริ่มจากผู้เลี้ยงต้องสร้างกฏระเบียบให้สมาชิกในครอบครัวปฏิบัติกับน้องหมาไปในทิศทางเดียวกันที่ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะส่งผลต่อลักษณะนิสัย และพฤติกรรมของน้องหมา เช่น หากจะไม่อนุญาตให้น้องหมานอนบนโซฟาทุกคนในบ้านก็ต้องปฏิบัติเหมือนกันคือ คอยห้ามน้องหมาไม่ให้ขึ้นไปนอนบนโซฟา และทำให้น้องหมารับรู้ว่า โซฟาไม่ใช่ที่ที่น้องหมาจะอยู่ได้ ทั้งนี้ การปฏิบัติตามกฏระเบียบหากทุกคนไม่ปฏิบัติร่วมกันก็อาจทำให้น้องหมาเกิดการสับสนว่าอะไรคือสิ่งที่ทำได้ หรือทำไม่ได้ ในที่สุดน้องหมาก็จะกลายเป็นหมาดื้อ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง และกฏระเบียบที่ตั้งไว้ ... การรักษากฏระเบียบควรทำร่วมกันทั้งครอบครัว ห้ามผ่อนปรนหรือยืดหยุ่นกฏให้กับน้องหมา และไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงกฏเพื่อน้องหมาจะได้ไม่เกิดความสับสน ที่อาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ (อ่านบทความเพิ่มเติม 6 เทคนิคเปลี่ยนความเข้าใจในการเลี้ยงหมาของคนในบ้าน)
 
 นอกจากการตั้งกฏระเบียบให้สมาชิกคนอื่น ๆ ภายในบ้านปฏิบัติตามแล้ว ผู้เลี้ยงยังจะต้องรู้จักวางตัวให้เป็น "จ่าฝูง" และวางลำดับให้ฝูง (สมาชิกในครอบครัว) โดยให้น้องหมาอยู่ในระดับต่ำสุด ซึ่งผู้เลี้ยงอาจจะใช้หลักจิตวิทยาง่าย ๆ ให้น้องหมายอมสยบและเชื่อฟังคำสั่ง เช่น ให้น้องหมาเดินเข้าออกประตูหลังเราเสมอ เวลาพาน้องหมาเดินในสายจูงเราต้องเดินนำหน้าเสมอ หรือเรียกน้องหมาให้มาหาเรา โดยที่เราจะไม่เดินหรือวิ่งตามน้องหมา ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นการบอกให้น้องหมารับรู้ตำแหน่งว่า เราคือจ่าฝูง และอยู่เหนือกว่า ส่วนน้องหมาคือลูกฝูงนั่นเองค่ะ
รวมถึงผู้เลี้ยงยังควรฝึกให้น้องหมารู้จักระเบียบในการขับถ่าย ซึ่งผู้เลี้ยงควรฝึกน้องหมาตั้งแต่เพิ่งรับมาเลี้ยงหรือยังเป็นน้องหมาเด็กอยู่ โดยกำหนดพื้นที่ที่น้องหมาสามารถขับถ่ายได้ เพื่อลดภาระในการทำความสะอาด ปัญหาอึฉี่เรี่ยราด และเพื่อสุขลักษณะที่ดีของน้องหมาค่ะ


     6. ตรวจสุขภาพ ... พบสัตวแพทย์
   ผู้เลี้ยงควรหมั่นพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ อย่างน้อยทุก 6 เดือน เพราะว่าการพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพจะช่วยทำให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถเตรียมรับมือ และรักษาน้องหมาได้อย่างทันท่วงทีหากตรวจพบโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะกับน้องหมาไซบีเรียนที่มักจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรค และความผิดปกติต่าง ๆ เช่น

     -  ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) ที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญพลังงานในเนื้อเยื่อต่าง ๆ มีผลต่อการสังเคราะห์โปรตีนและไขมันในร่างกาย โดยจะพบอาการ เช่น ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ พฤติกรรมเปลี่ยน โดยมากมักจะเซื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉง น้ำหนักตัวเพิ่ม กระจกตาอักเสบและมีแผลหลุม เส้นขนหยาบแห้ง ขนร่วงช่วงท้ายของตัวและหาง ฯลฯ

     -  ภาวะขาดสังกะสี (Zinc deficiency) และภาวะ Zinc responsive dermatoses ที่มักเกิดจากการทานอาหารคุณภาพต่ำที่ขาดสังกะสีหรือไม่ได้สมดุล เช่น อาหารที่มีแคลเซียมมากไป เนื่องจากแคลเซียมจะไปขัดขวางการดูดซึมสังกะสีในลำไส้ หรืออาหารที่มีไฟเตท (phytate) ที่มีอยู่มากในพวกธัญพืชมากไป เพราะไฟเตทจะไปจับกับสังกะสี ทำให้ลำไส้ดูดซึมสังกะสีไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลให้น้องหมาเกิดสะเก็ดรังแคหนา คันตามรอบตา คาง หู รอบปาก ขนหลุดร่วงง่ายที่ดูคล้ายสุนัขที่เป็นขี้เรื้อนหรือเชื้อรา ฯลฯ

     -  โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) ที่ทำให้หัวกระดูกต้นขาไม่สามารถสวมเข้าอย่างสนิทกับเบ้าของกระดูกสะโพก ทำให้มีความผิดปกติในการเคลื่อนไหวขาหลังของน้องหมา สังเกตได้จากน้องหมาจะลุก นั่ง เดิน นอน ได้ลำบาก

     -  ภาวะท้องเสียเรื้อรัง ที่มีสาเหตุจากพันธุกรรมที่ผิดปกติ ซึ่งทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ มีผลให้ทางเดินอาหารอักเสบเรื้อรัง ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากภาวะไวต่ออาหารหรือสารที่อยู่ในอาหาร เช่น โปรตีน สารแต่งกลิ่น สารถนอมอาหาร เป็นต้น โดยน้องหมาจะมีอาการถ่ายเหลวเรื้อรังไม่หายขาด อุจจาระมักมีเมือกปน น้ำหนักตัวลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งสามารถพบได้ทั้งน้องหมาไซบีเรียนเพศผู้และเพศเมีย

     -   โรคต้อกระจก (Cataract) มักพบในน้องหมาไซบีเรียนที่มีอายุน้อยกว่า 6 ปี โดยมากมักตรวจพบตอนอายุ 6 -12 เดือน โดยอาจเป็นแค่ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ สาเหตุส่วนใหญ่เนื่องจากพันธุกรรม และอาจเป็นร่วมกันกับโรคจอตาเสื่อม ซึ่งน้องหมาจะมองไม่เห็นในเวลากลางคืน อาจมีพฤติกรรมเปลี่ยน ถ้าอยู่ในที่ไม่คุ้นเคยจะเดินชนสิ่งกีดขวางเนื่องจากการมองเห็นที่ลดลง

     -   โรคลมชัก (Epilepsy) น้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี จัดว่าเป็นสายพันธุ์ที่ติด 1 ใน 10 ที่พบโรคนี้มาก โดยเฉพาะกรณีที่มีการผสมเลือดชิด (ผสมพันธุ์กันในหมู่เครือญาติ) อายุที่พบว่าเริ่มมีอาการมากที่สุด คือ 6 เดือนถึง 3 ปี โดยทั่วไปสุนัขที่พบโรคลมชักก่อน 2 ปีจะทำการรักษาและควบคุมอาการได้ยากกว่าสุนัขที่เจออาการตอนอายุมาก เมื่อเทียบกันพบว่าเจอในสุนัขเพศผู้มากกว่าเพศเมีย

     ความผิดปกติ และโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับน้องหมาไซบีเรียนทุกตัว ไม่เว้นแม้แต่น้องหมาของผู้เลี้ยงเอง ฉะนั้น ผู้เลี้ยงก็อย่าลืมที่จะใส่ใจและดูแลสุขภาพน้องหมาของตนเอง หากพบน้องหมามีอาการผิดปกติ ก็ไม่ควรนิ่งเฉยต่ออาการที่น้องหมาแสดงออกมาเหล่านั้น แต่ให้รีบพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพื่อหาความผิดปกติ เพราะนั้นอาจหมายถึงโรคร้ายแรงที่อาจคร่าชีวิตของน้องหมาแสนรักของผู้เลี้ยงไปเลยก็ได้ค่ะ ...
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : https://www.dogilike.com/content/caring/2574/